Read for fun by สำนักพิมพ์ลูกองุ่น
สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ทดลองอ่านสาวน้อยเกวลิน ตอน ฆาตกรรมในแฟลต

ทดลองอ่านสาวน้อยเกวลิน ตอน ฆาตกรรมในแฟลต

                บทที่ 1  แฟลตยูงทอง

 

           “นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย?”  เกวลินบ่นเมื่อเห็นลานจอดรถของแฟลตยูงทองเต็มไปด้วยผู้คนจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์กัน  แถมมีรถตำรวจอีกต่างหาก

          กวาดตามองไม่เห็นแท็กซี่เขียวเหลืองที่คุ้นตาเลยเบาใจไปหน่อย  อย่างน้อยพ่อก็คงไม่ได้ไปก่อปัญหาอะไรให้ตำรวจมาเล่นงานถึงบ้าน  หากความอยากรู้ทำให้ต้องสะกิดแขนล่ำ ๆ ของป้าเจ้าของร้านขายข้าวแกงและอาหารตามสั่งใต้ถุนแฟลตที่ทิ้งร้านออกมายืนเล็งแลดูเหตุการณ์อยู่

          “ป้า  เกิดอะไรขึ้นตำรวจเขามาทำไม”

          “อุ๊ย”  ป้าแจ่มหรือแจ่มจรัสหันมาสะดุ้งจนตัวกระเพื่อม  อาหารที่แกทำอร่อยทุกอย่าง  แม่ครัวชิมทุกอย่าง  ขนาดตัวแกเลยขยายขึ้น ๆ ตามอายุการทำงาน  ป้าแจ่มอุทานว่า  “หนูแก้มนี่เองมาเงียบ ๆ ตกใจหมด”

          “ขวัญเอ๊ย  ขวัญมา  ว่าแต่เกิดอะไรขึ้นป้า?”

          “ไอ้พลน่ะสิ  มันตายแล้ว  มันผูกคอตาย”

           “พลไหน  สพลลูกน้าต๋อยน่ะหรือป้า?” 

          “รายนั้นแหละ  มันผูกคอตายกับเหล็กดัดหน้าต่าง  ที่แปลกมันแต่งตัวเป็นผู้หญิงด้วยนะ  เห็นเขาว่าเอากระโปรงแม่มันมานุ่งหรือไงเนี่ยแหละ  ข้าวของในห้องกระจุยกระจายหมด  พิลึกนักเชียว”

          เด็กสาวนิ่งไปอย่างคาดไม่ถึง

          ไอ้พลหรือสพลเป็นหนุ่มน้อยวัยสิบเอ็ดย่างสิบสอง  อาศัยอยู่กับพ่อและญาติในแฟลตบีเหมือนกับเกวลิน  แต่หล่อนอยู่ชั้นห้าเขาอยู่ชั้นสาม  ตำรวจกั้นสถานที่ชั้นสามทั้งหมดอ้างว่าเก็บหลักฐานแต่ที่จริงคงกั้นความอยากรู้อยากเห็นของชาวแฟลตนี้ที่ออกจะมากเกินเหตุมากกว่า  เด็กสาวขี้เกียจฝ่าไทยมุงที่อออยู่เต็มเข้าห้องพักเลยเลี่ยงไปร้านเกมส์และอินเตอร์เน็ตใต้ถุนแฟลตซีที่อยู่เยื้องแฟลตเกิดเหตุ

          กลุ่มแฟลตนี้มีด้วยกันสี่ตึกตึกละ 6 ชั้นไม่รวมใต้ถุนสูง  ทุกตึกหันหน้าเข้าหากันในรูปแบบสี่เหลี่ยม  เพิ่มความเป็นส่วนตัวของห้องพักด้วยรางกระถางต้นไม้คอนกรีตซึ่งตอนนี้บางห้องยังปลูกดอกไม้สวยเหมือนเมื่อแฟลตเริ่มสร้าง  แต่ส่วนใหญ่ตอนนี้รางวางกระถางกลายเป็นสวนครัว  ปล่อยทิ้งไว้มีแต่ดินแห้ง ๆ หรือไม่ก็เอาไว้เป็นที่วางเศษขยะจากห้อง  ตรงกลางเป็นลานจอดรถ  สวนหย่อม  สนามฟุตบอลและสนามเด็กเล่น  ตอนเริ่มสร้างผู้เช่าส่วนใหญ่เป็นคนระดับกลางหรือไม่ก็นักเรียนนักศึกษาจากต่างจังหวัดที่พอมีฐานะ  แต่พอตึกเริ่มเก่า  รอบด้านผุดอพาร์ตเมนท์หรือไม่ก็คอนโดมิเนียมสูง ๆ แบบ “มีระดับ” บริษัทเจ้าของแฟลตต้องลดราคาเช่าและระดับของผู้เช่าลง

          ร้านเกมส์ไม่มีชื่อแต่กว้างขวางขนาดสองห้องเพราะได้รับแรงอุดหนุนอย่างดีจากเด็ก ๆ ชาวแฟลต 

ตัวร้านแบ่งออกเป็นสองฝั่งระหว่างฝั่งเกมส์โซนที่กินเนื้อที่กว่าสองในสาม  กับส่วนอินเตอร์เน็ตที่เปิดบริการให้หนุ่มสาวมาเสาะหาความรู้หรือเสาะหาคู่  ทั้งสองส่วนกั้นไว้ด้วยกระจกใสบานใหญ่ 

          ขบูรสาวใหญ่วัยต้นสี่สิบหน้าตาแต่งพริ้งใส่สายเดี่ยวสีเหลืองลายดอกไม้สีม่วง   โชว์เนื้อหนังที่มากมายใหญ่กว้างผิวเรียบเนียน  หญิงสาวไม่ใช่คนอ้วนแต่ใหญ่หมดทั้งตัวแขนขาล่ำ  หล่อนรีบกวักมือเรียกเมื่อเห็นเกวลินเดินเข้าไปในห้องส่วนตัวซึ่งอยู่ด้านหลัง  กั้นกระจกใสทำให้มองเห็นทุกอย่างในร้านได้สะดวก

          “วันนี้ลูกค้าน้อยนะเจ๊”  เด็กสาวเรียกขานตามที่หล่อนอยากได้ยิน 

          คนในแฟลตนี้ไม่ว่าว่าเด็กเล็กห้าหกขวบหรือแก่หง่อมวัยหกสิบเจ็ดสิบล้วนแต่ต้องเรียกขบูรว่าเจ๊ทั้งนั้น  ใครเลยน้าเรียกป้าหล่อนโกรธเจ็ดวันเจ็ดคืนไม่รู้จบ  ยิ่งถ้าใครหาญเรียกยาย  คนนั้นอาจจะตายก่อนวัยอันควรได้

          “แหง๋ล่ะสิจ๊ะแม่คุณ  ทุกคนแล่นไปชุมนุมดูตำรวจกันหมด  แหม...อีตอนที่หวอมา  ไอ้เด็กบ้ามันวิ่งหนีกันเกรียวแทบจะเหยียบกันตายคาประตูนึกว่าตำรวจมาจับร้านเกม  เจ๊งี้ใจเต้นระทึก  ตอนแรกก็กลัวตำรวจจับ  แต่เห็นหน้าคุณตำรวจแล้วเจ๊อยากจับตำรวจแทน”  สาวใหญ่พูดเจื้อยแจ้วตามนิสัย 

          ขบูรชอบหนุ่ม ๆ  ยิ่งหนุ่ม ๆ ผอมบางผิดกับรูปร่างตัวเองหล่อนยิ่งชอบ  ชอบมอง  ชอบหลี  ชอบเสนอตัวเข้าหา  แต่คนถูกเสนอตัวเข้าหานี่สิ...หลบหลีกเนื้อตัวสั่นกันจ้าละหวั่น  พวกหนุ่ม ๆ ปากหมาที่ชอบสิงสถิตย์อยู่ใต้ถุนแฟลตดีเคยปล่อยข่าวว่าเจ้าของร้านเน็ตเป็นนักยกน้ำหนักชายแปลงเพศมาบ้าง  หรือไม่ก็เล่าว่าเมื่อสมัยสาว ๆ ขบูรเคยมีเรื่องขึ้นโรงพักกล่าวหาว่าถูกหนุ่มมอเตอร์ไซด์หน้าปากซอยล่อลวง  แต่ตำรวจมองหนุ่มมอเตอร์ไซด์ร่างผอมบางกับสาวร่างน้อง ๆ นักมวยปล้ำแล้วตัดสินใจไม่รับฟ้อง 

          ข่าวนี้เล่นเอาขบูรเต้นผาง  ประกาศว่า

          ‘อย่าให้รู้เชียวนะมึ๊งงงงงว่าใครปล่อยข่าว  เจอตัวเมื่อไหร่ถ้าหล่อนักแม่จะหนีบมาทำผอสระอัวเสียให้เข็ด  แต่ถ้าขี้เหร่เป็นจรกาแม่ก็จะตึ้บให้บี้เหมือนคางคกถูกรถทับแบนเชียว’

          คำประกาศของขบูรได้ผล  ไม่รู้ว่าสมาชิกปากหมากลัวอะไรมากกว่ากัน  รู้แต่ว่าไม่มีใครหาญกล้าวิพากษ์วิจารณ์อะไรสาวใหญ่รายนี้อีก

          เกวลินเหลือบมองนาฬิกา  เลยเวลาเลิกเรียนมาเกือบสองชั่วโมงแล้ว  ไม่มีอะไรผิดกฎหมาย  แต่คนที่ทำผิดประจำย่อมอดระแวงไม่ได้  ถึงไม่ได้ทำอะไรผิดก็ตื่นไว้ก่อน  เผ่นได้เป็นเผ่น

          “ตำรวจเขามาร้านนี้ด้วยหรือเจ๊?”

          “มาสิ”  คนตอบว่าพลางค้อนควักไปทางตึกบี  มือสาละวนปิดโฮมเพจตรงหน้า  เกวลินเห็นแวบ ๆ ว่าภาพที่ปรากฏเป็นหนุ่มน้อยแทบจะนุ่งลมห่มฟ้า  แต่หล่อนไม่ว่าอะไร  รสนิยมใครรสนิยมมัน 

           “เขามาสอบปากคำเรื่องไอ้พล  แก้มรู้เรื่องไอ้พลแล้วใช่ไหม?”

          เด็กสาวพยักหน้า 

          “ใจหายเหมือนกันนะเจ๊  เพิ่งเห็นมันกวนบาทาอยู่หลัด ๆ  เดี้ยงไปเสียแล้ว”

          “นั่นสิ”  ขบูรเท้าเอว  ทำท่าเศร้าใจแบบเก๊ก ๆ  หล่อนมักตั้งท่าให้งามตามอย่างที่ตัวเองคิดเสมอ  ไม่สนเลยสักนิดว่าคนอื่นจะมองท่าเจ๊อย่างพะอืดพะอมเพียงใด  “เจ๊น่ะคิดนะว่าหัวโจกใหญ่สร้างแต่ปัญหาอย่างไอ้พลเนี่ยมันอาจจะไม่ได้อยู่จนตะบันน้ำกิน  แต่ก็ไม่นึกว่าไปไวเหมือนโกหกอย่างนี้  แถมยังตายโหงเสียด้วย  แหม...ขนลุก...”

          เกวลินพยักหน้าอีกครั้งเอาใจเจ๊  เด็กสาวไม่สนิทสนมอะไรกับผู้ตายนัก  แต่พอรู้จักกันอยู่บ้าง  จริง ๆ กลุ่มแฟลตเอถึงดีที่หล่อนอาศัยอยู่ถึงจะมีผู้พักร่วมหกร้อยคน  หากส่วนใหญ่อยู่กันติดที่  ถ้าเป็นครอบครัวไม่ใช่หนุ่มสาวที่มาเช่าระหว่างจากบ้านต่างจังหวัดมาเรียนหนังสือกรุงเทพฯมักจะพักกันเป็นปี ๆ  เหตุเพราะกลุ่มแฟลตอยู่ค่อนข้างกลางเมือง  คมนาคมสะดวก  น้ำไฟโทรศัพท์ไม่เคยเป็นปัญหา  ที่สำคัญค่าเช่าถูกอย่างไม่น่าเชื่อ  แถมยังไม่ได้ขึ้นมาหลายปีแล้ว  กระทั่งมีเสียงลือว่าจะมีการปรับค่าเช่ายกใหญ่เร็ว ๆ นี้

          สพลนั้นเข้าข่ายอยู่เก่าอยู่นาน  พ่อเขาหรือน้าต๋อยตามที่เกวลินเรียกเป็นยามที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง  เช้ามืดไปทำงาน  กว่าจะกลับก็สี่ห้าโมงเย็น  ถึงบ้านบ่อยครั้งที่ตั้งวงกินเหล้ากับเพื่อนใต้ถุนแฟลต  มึนแล้วร้องเพลงอารมณ์ดีแต่พอเมาแล้วร้องไห้คร่ำครวญเรื่องเมียทิ้งไปตั้งแต่สพลยังอายุแค่ห้าหกขวบ

          เด็กขาดแม่ทำให้เกเรบ้าง  แต่ก็ไม่ถึงกับก้าวร้าว  ไม่มีทีท่าซึมเศร้า  เลยแทบไม่น่าเชื่อว่าสพลจะผูก

คอตายขึ้นมา

          “แล้วนี่ตำรวจมาสอบปากคำอะไรเจ๊ล่ะ”  เกวลินถาม

          “นิดหน่อย” ขบูรไม่สบตาด้วย  “แค่ถามว่าไอ้พลมันมาเล่นเกมส์ที่นี่บ้างหรือเปล่า  เขาอยากรู้ว่ามันชอบเล่นอะไรที่รุนแรงพวกตีรันฟันแทงฆ่ากันหรือเปล่า  เจ๊ตอบไปว่า...นาน ๆ มันมาที”

          “ให้การเท็จผิดกฎหมายนะเจ๊นะ”  เด็กสาวแกล้งแหย่

          เจ๊เลยกระแทกตัวนั่งกับเก้าอี้  ตะบึงตะบอนบอกว่า

          “ขืนตอบไปตามความเป็นจริงเดี๋ยวต้องปิดกิจการกัน”

          เกวลินอยากแซวต่อ  แต่ขบูรพยักเพยิดไปทางหน้าร้าน  ประกาศเสียงเสียดสีว่า

          “แน่ะ  ขวัญใจชาวแฟลตนวยนาดมานั่นแล้ว”

          กระจกใสทำให้เห็นออกไปถึงหน้าร้าน  ครองขวัญกำลังเดินมาตามทาง  เด็กสาวอายุไล่ ๆ กับเกวลิน  แก่เดือนกว่าสักสองสามเดือน  อยู่แฟลตห้องติดกันชนิดทุบกำแพงเรียกหากันได้  คบหารู้จักกันมาประมาณหกปี  แต่สองสาวต่างกันราวกับ...ไม่ถึงฟ้ากับเหว...เอาเป็นว่าต่างกันพอให้หลายคนซุบซิบนินทาเมื่อเดินคู่กันไปก็ได้

          ซุบซิบแบบไหนนะหรือ?

          ก็...ผู้หญิงสองคน  คนหนึ่งตัดผมสั้นแนบหัว  ผอมกล้องแกล้ง  อีกคนผมยาวสยายเต็มหลัง 

สวยหวานเสียจนได้รับการคัดเลือกเป็นดาวคณะทั้ง ๆ ที่เพิ่งเข้าเรียนมหาวิทยาลัยชื่อดังของรัฐปีแรก

          เด็กสาวหน้าขาวผ่อง  สวมเสื้อเครื่องแบบขาวกระโปรงยาวไม่ได้ตรงเข้าร้าน  แต่หยุดแวะนิดหนึ่งที่ข้างร้านเพื่อทักทายและซื้อมาลัยพวงเล็กจากนายใบ้  นายใบ้...ที่ไม่มีใครจดจำได้ว่าชื่อเสียงเรียงนามว่าอะไร  รู้แต่ว่าเป็นสมาชิกในแฟลตซี  อาศัยอยู่กับน้าสาวร่างยักษ์ที่วัยและขนาดข่มกันกับขบูรไม่ลง  อายุนายใบ้ประมาณยี่สิบต้น ๆ  หูไม่หนวกแค่พูดไม่ได้  วัน ๆ นั่งร้อยมาลัยขายข้างตึก  วันไหนขายไม่ดีเขาก็กลายเป็นกระสอบทรายให้น้าสาวที่เอะอะขึ้นเสียงดังมึงมาพาโวยซ้อมเอา 

          คนในแฟลตส่วนใหญ่สงสารชายพิการ  แต่ทำได้ก็แค่สงสาร  จะให้อุดหนุนซื้อมาลัยนายใบ้ทุกวันคงไม่ไหว  เพราะแค่ต่างคนต่างอยู่เลี้ยงตัวเองให้รอดไปวัน ๆ ก็หนักหนาพออยู่แล้ว  ไม่มีเวลาหรือทุนทรัพย์ไปช่วยเหลือใครได้

          ครองขวัญเป็นหนึ่งในน้อยคนที่ซื้อมาลัยเกือบทุกวัน  เด็กสาวจ่ายเงินค่าพวงมาลัย  นายใบ้ยิ้มกว้างถึงใบหู  คว้ากระทงดอกจำปีเล็ก ๆ ส่งให้ชี้ไม้ชี้มือบอกว่าเขาให้  หล่อนกล่าวขอบใจก่อนเดินผลักประตูเข้ามาในร้าน

          เจ้าของร้านมองแล้วค้อนขวับทีเดียว  เปรยว่า

          “เบื่อพวกรักเด็กเมตตาสัตว์และคนพิการเรียกคะแนนชื่นชม  คงหวังตำแหน่งขวัญใจชาวแฟลตอีก

ปีล่ะซี่”

          มีการโหวตแบบไม่ลับนักของบรรดาหนุ่ม ๆ ปากหมาประจำแฟลตเกี่ยวกับ ‘สาวโสด’ ที่อาศัยใน

กลุ่มตึกทั้งสี่  ครองขวัญได้ตำแหน่งขวัญใจชาวแฟลตมาอย่างง่ายดาย  ขณะที่เกวลินไม่ติดฝุ่น  แต่คนที่อกหักรุนแรงคือขบูร  เจ๊งอนอยู่หลายวันที่ตัวเองพลาดตำแหน่งขวัญใจชาวแฟลตชนิดตามหลังเกวลินมาติด ๆ  ขบูรปักใจเชื่อเหลือเกินว่า  ถ้าครองขวัญไม่ได้วางตัวดีอย่างนี้   หล่อนอาจจะมีสิทธิเพราะลงทุนควักกระเป๋าซื้อเสียงไปหลายอยู่   

          เกวลินเห็นท่าทางกระฟัดกระเฟียดของเจ๊แล้วส่ายหน้าดิก  คิดจะขยับจากตำแหน่งร้อยกว่า ๆ

ประมาณร้อยเก้าสิบเก้าจุดเก้าเก้ามาเป็นที่หนึ่งเนี่ยนะ  ฝันไปหรือเปล่าเจ๊!

          ครองขวัญผลักประตูเล็กเข้ามาพร้อมกลิ่นหอมของมะลิและจำปี  เด็กสาวเลิกคิ้วนิดเดียวเมื่อเห็น

ท่าทางสะบัดสะบิ้งของเจ้าของร้าน  วางกระทงดอกไม้ลง  เอ่ยลอย ๆ ว่า

          “ให้เจ๊” 

          เจ๊หน้าเชิด  ปั้นปึ่ง

          “ของฟรีไม่อยากได้ล่ะสิถึงเอามาให้เจ๊”

          ครองขวัญหยิบกระทงคืน  แต่สาวใหญ่ไวกว่าคว้าจำปีดอกใหญ่ได้หนึ่งดอกเอามาพันกับผมแล้ว

ปล่อยให้ดอกไม้ทิ้งตัวละข้างแก้ม

          เกวลินมองดูอย่างเพลิดเพลิน  ‘เจ๊’ เป็นคนร่างใหญ่ทำให้ดูกระด้างดุดัน  หน้าตาแต่งจัดจนดูเจนโลกและบางทีคล้ายสาวประเภทสองอย่างที่หลายคนค่อน  แต่ในความเป็นขบูรยังมีความละเมียดละไมบางอย่างที่ทำให้เด็กสาวรู้สึกสบายใจเวลาอยู่ใกล้  และมั่นใจได้ว่าหล่อนอยู่กับผู้หญิงจริง ๆ ไม่ใช่อยู่กับสาวประเภทสองที่ไหน

          “ตำรวจกำลังจะกลับแล้ว  เขาจะเอาศพไปไว้ที่โรงพยาบาลตำรวจ” 

          ครองขวัญนั่งลงอย่างเรียบร้อย  สง่างาม  ท่าทางเด็กสาวเหมือนลูกผู้ดีมากกว่าลูกนักการหญิงในสถานศึกษาแห่งหนึ่งซึ่งทำงานทุกอย่างเพื่อส่งเสียให้ลูกสาวคนเดียวได้เรียนสูงสุด  และได้ทุกอย่างตามที่ต้องการเพื่อเทียมหน้าเทียมตาเพื่อนฝูง

          “ใครเป็นคนพบศพขวัญรู้ไหม?”  เกวลินถาม 

          อันที่จริงถามขบูรก็ได้  แต่รายนั้นเป็นประเภทแหล่งข่าวเยอะข้อมูลมาก  ลงท้ายข้อมูลตีกันมั่ว  ผลสรุปห่างไกลความจริงชนิดเจ้าตัวข่าวเองยังงงว่าต้นตอมันมาจากไหนกันแน่

          ขวัญใจชาวแฟลตยิ้มนิดหนึ่งพองาม  ตอบว่า

          “เขาว่ากันว่าน้าต๋อยเป็นคนพบศพลูกชาย  วันนี้แกรีบกลับมาเร็วเพราะนัดตั้งวงกับเพื่อน  เปิดประตูเข้าไปเจอถึงกับเข่าอ่อน  แกบอกตำรวจว่าไม่มีเค้ามาก่อนว่าลูกชายมีปัญหาและไม่มีเค้าว่าลูกชายจะมีความบิดเบือนทางเพศ”

                “เจ๊ก็ว่าไม่ใช่  สองวันก่อนยังเห็นมันนำฝูงไอ้พวกเพื่อนหมื่นของมันแกล้งเปิดกระโปรงเด็กผู้หญิงอยู่เลย  เจ๊ยังอยากเรียกทั้งมันและพ่อมันมาด่า  เป็นเด็กเป็นเล็กคิดทะลึ่ง”

          “งั้นทำไมพลต้องเอาเสื้อผ้าของแม่มาใส่ด้วย  อยากจะประชดอะไรหรือเปล่า”  เกวลินสงสัย

          “ไม่ใช่เสื้อผ้าของแม่”  ครองขวัญขัดขึ้นเรียบ ๆ  “พลสวมกระโปรงชุดที่คนเขาเอามาถวายเจ้าแม่หน้าตึก”

          “เวร”  เกวลินพูดได้คำเดียว 

 

          

view